คำถามที่ ๙ : ถ้าหากชีอะฮฺถูกต้อง ทำไมจึงเป็นมุสลิมส่วนน้อย และมุสลิมส่วนมากไม่ยอมรับ |
คำถามที่ ๙ : ถ้าหากชีอะฮฺถูกต้อง ทำไมจึงเป็นมุสลิมส่วนน้อย และมุสลิมส่วนมากไม่ยอมรับ
คำตอบ : การแยกแยะสิ่งถูกผิดไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนของผู้ปฏิบัติตาม เพราะหากเปรียบเทียบประชากรมุสลิมกับผู้ปฏิเสธอิสลาม มุสลิมจะมีจำนวนแค่ ๑/๕ หรือ ๑/๖ ของประชากรเท่านั้น ส่วนมากของประชากรแถบตะวันออกจะนับถือรูปปั้น รูปวัวศักดิ์สิทธิ์ และปฏิเสธความเชื่อเรื่องพระเจ้า ประเทศจีนมีประชากรเกินหนึ่งพันล้านคนซึ่งส่วนมากของประชากรเป็นคอมมิวนิสต์ ประเทศอินเดียมีประชากรเกือบหนึ่งพันล้านคนส่วนมากเคารพบูชาวัวศักดิ์สิทธิ์ และนับถือพุทธศาสนา ถ้าหากจะใช้ส่วนมากของประชากรเป็นเกณฑ์ในการวัดความถูกต้อง แสดงว่าคนจีนกับคนอินเดียนั้นนับถือศาสนาถูกต้อง และท่านจะมีคำตอบใดให้อิสลาม ขณะที่อัล-กุรอานกล่าวชื่นชมคนส่วนน้อย และปฏิเสธคนส่วนมากโดยกล่าวว่า
وَلاَ تَجِدُ أَكْثَرَهُمْ شَاكِرِينَ
และจะไม่พบว่าส่วนมากของพวกเขา เป็นผู้ขอบคุณ [1]
وَمَا كَانُواْ أَوْلِيَاءهُ إِنْ أَوْلِيَآؤُهُ إِلاَّ الْمُتَّقُونَ وَلَـكِنَّ أَكْثَرَهُمْ لاَ يَعْلَمُونَ
และพวกเขามิใช่ผู้ปกครองของเขา บรรดาผู้ปกครองของเขานั้นมิใช่ใครอื่นนอกจากบรรดาผู้ยำเกรง แต่ทว่าส่วนมากพวกเขาไม่รู้ [2]
وَقَلِيلٌ مِّنْ عِبَادِيَ الشَّكُور
และส่วนน้อยแห่งปวงบ่าวของเราเป็นผู้ขอบคุณ [3]
ด้วยเหตุนี้ มนุษย์ไม่อาจเอาจำนวนมากเป็นเกณฑ์ในการตัดสิน และไม่สามารถพูดได้ว่าแนวทางที่มีผู้ปฏิบัติน้อยนั้นไม่ถูกต้อง แต่ทว่าสิ่งสำคัญคือการให้ความสว่างแก่สติปัญญา และการได้รับประโยชน์จากนูร (รัศมี) มีชายคนหนึ่งได้ถามท่านอิมามอะลี (อ.) ว่า ท่านพิสูจน์ได้อย่างไรว่าผู้คนส่วนมากที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามในสงครามยะมัลนั้นเป็นฝ่ายผิด ท่านอิมาม (อ.) ตอบว่า
انّ الحق والباطل لا يعرفان بأقدار الرجال اعرف الحقّ تعرف أهله اعرف الباطل تعرف أهله
ความจริงกับความเท็จนั้นไม่อาจรู้ได้ด้วยจำนวนของผู้ปฏิบัติตาม ถ้าเจ้ารู้จักความจริงก็จะรู้จักผู้ปฏิบัติตาม และถ้าเจ้ารู้จักความเท็จ เจ้าก็จะรู้จักผู้ปฏิบัติตาม
เป็นความจำเป็นสำหรับมุสลิมคนหนึ่งที่ต้องรู้จักความจริงด้วยเหตุผล หลักฐานและการวิเคราะห์ด้วยสติปัญญา
อัล-กุรอานกล่าวแนะนำว่า وَلاَ تَقْفُ مَا لَيْسَ لَكَ بِهِ عِلْمٌ และอย่าติดตามสิ่งที่เจ้าไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น [4]
กุรอานต้องการแนะนำว่าสูเจ้าจงใช้สติปัญญาเป็นสิ่งนำทางชีวิตเสมอ ดังนั้นแม้ว่าประชากรของชีอะฮฺจะมีจำนวนน้อยกว่าอะฮฺลิซซุนนะฮฺ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าแนวทางของชีอะฮฺไม่ถูกต้อง เพราะได้ชี้แจงไปแล้วว่าสิ่งถูกผิดไม่ได้จำแนกด้วยจำนวนแต่ขึ้นอยู่กับหลักฐาน เหตุผล และสติปัญญา และถ้าทำการสำรวจประชากรชีอะฮฺ ท่านก็จะพบว่า ๑/๔ ของประชากรมุสลิมเป็นชีอะฮฺ ซึ่งอาศัยอยู่ทุกส่วนของโลก [5] ในหมู่ของชีอะฮฺมีอุละมาอฺ นักวิชาการชั้นแนวหน้าทุกสาขาวิชาการ ซึ่งตลอดหน้าประวัติศาสตร์ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ชีอะฮฺไม่ได้มีสิ่งใดน้อยหน้าไปกว่าอะฮฺลิซซุนนะฮฺแม้แต่นิดเดียว มูลฐานหลักของความรู้ต่าง ๆ นั้นนักวิชาการของชีอะฮฺเป็นผู้ก่อตั้งทั้งสิ้น เช่น ท่านอะบุลอัซวัด ดะอิลียฺ ผู้สถาปนาอิลมุล นะฮฺวิ (กฎไวยากรณ์ภาษาอาหรับหรือโครงสร้างประโยคที่ถูกต้อง) ท่านเคาะลีล บิน อะฮฺมัด เป็นผู้สถาปนาวิชาฉันทลักษณ์ ท่านมะอาซ บิน มุสลิม บิน อะบีซาเราะฮฺ กูฟียฺเป็นผู้สถาปนาวิชาไวยากรณ์และโครงสร้างที่ถูกต้องของคำและวะลี ท่านอะบู อับดิลลาฮฺ มุฮัมมัด บินอิมรอน เป็นผู้สถาปนาวิชาวาทศิลป์ [6]
เพื่อการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมถึงสถานภาพทางวิชาการของอุละมาอฺฝ่ายชีอะฮฺ สามารถศึกษาได้จากหนังสือที่ทรงคุณค่าทางวิชาการ อัซซะรีอะฮฺ อิลา ตะซอนีฟิชชีอะฮฺ, อะอฺยานุชชีอะฮฺ และถ้าต้องการศึกษาประวัติความเป็นมาของชีอะฮฺ ศึกษาได้จากหนังสือ ตารีคุชชีอะฮฺ
[1] อะอฺรอฟ / ๑๘
[2] อันฟาล / ๓๔
[3] ซะบาอฺ / ๑๓
[4] อิซรอ / ๓๖
[5] ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากหนังอะอฺยานุชชีอะฮฺ เล่มที่ ๑๒ หน้าที่ ๑๙๔
[6] ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากตะอฺซีซุ อัชชีอะฮฺ ซัยยิดฮุซัยนฺซ็อดรฺ