back

คำถามที่ ๓๓ : การเชื่อเรื่องพลังอำนาจที่เร้นลับของเอาลิยาอฺเป็น  ชิริกหรือไม่

next

คำถามที่ ๓๓ : การเชื่อเรื่องพลังอำนาจที่เร้นลับของเอาลิยาอฺเป็น  ชิริกหรือไม่

คำตอบ : แน่นอนทุกครั้งที่คนเราต้องการให้คนอื่นทำงานแทน  และเขามีความสามารถที่จะกระทำซึ่งความสามารถนี้แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท

๑. บางครั้งความสามารถวางอยู่บนพื้นฐานของพลังแห่งวัตถุและธรรมชาติ เช่น ต้องการให้คนหนึ่งนำภาชนะใส่น้ำมาให้เรา

๒. บางครั้งพลังดังกล่าวเป็นพลังที่เร้นลับ นอกเหนือจากพลังแห่งวัตถุและธรรมชาติ เช่น เชื่อว่าบ่าวที่บริสุทธิ์ของอัลลอฮฺ (ซบ.) เช่น ท่านศาสดาอีซา (อ.) สามารถรักษาอาการเจ็บป่วยโดยไม่ต้องตรวจโรคก่อน หรือใช้พลังจิตมะซีฮฺของท่านให้ชะฟาอฺแก่ผู้ป่วยเป็นโรคที่ไม่มีทางรักษาหาย

เป็นที่ประจักษ์ว่าความเชื่อเรื่องพลังอำนาจเร้นลับ โดยเชื่อว่าพลังเหล่านั้นเกี่ยวข้องและมาจากพระองค์ หรือเป็นพลังที่เกิดจากพระประสงค์ของพระองค์ จะไม่เป็นชิริกเด็ดขาด เช่น เชื่อพลังธรรมชาติ แน่นอนสิ่งนี้จะไม่เป็นสาเหตุทำให้เกิดชิริก เนื่องจากพระองค์เป็นผู้ประทานพลังดังกล่าวแก่มนุษย์ พลังเร้นลับเช่นกันพระองค์ได้ให้บ่าวที่บริสุทธิ์บางคนที่พระองค์ทรงประสงค์เท่านั้น

ดังนั้น จากคำอธิบายนี้ ความเชื่อในพลังเร้นลับของบรรดาเอาลิยาอฺแห่งอัลลอฮฺ สามารถแบ่งออกเป็น ๒ ลักษณะ ดังนี้

๑. เชื่อพลังเร้นลับของบุคคลหนึ่งในฐานะที่มีพลังเป็นเอกเทศ เป็นพลังดั้งเดิมของตนและมีกาวิวัฒนาการในลักษณะที่ว่า พลังของตนไม่เกี่ยวข้องกับอัลลอฮฺ (ซบ.) เป็นเอกเทศออกจากกัน ไม่ต้องสงสัยว่าความเชื่อในพลังที่เป็นเอกเอศจากอัลลอฮฺ (ซบ.) เป็นสาเหตุของชิริก เนื่องจากว่าเชื่อว่าแหล่งที่มาของพลังเป็นสิ่งอื่นที่นอกเหนือจากพระองค์ เป็นเอกเทศ และดั้งเดิม และเป็นการนำเอากิจการของพระองค์ไปสัมพันธ์และเกี่ยวข้องกับบุคคลอื่น ขณะที่พระองค์คือแหล่งที่มาของพลังทั้งหลาย

๒. ความเชื่อเรื่องพลังเร้นลับของบ่าวที่บริสุทธิ์บางคน โดยเชื่อว่าพลังเหล่านั้นมาจากอัลลอฮฺ (ซบ.) และบรรดาเอาลิยาอฺได้รับพลังนั้นโดยอนุญาตของพระองค์ ซึ่งเป็นภาพลักษณ์หนึ่งของอำนาจของพระองค์ที่ได้ฉายผ่านบรรดาเอาลิยาอฺ เป็นอำนาจที่ไม่มีความอิสระ หรือเป็นเอกเทศจากพระองค์ ทั้งการมีอำนาจ และการแสดงออกต้องอิงอาศัยอำนาจของพระองค์ เป็นที่ชัดเจนว่าความเชื่อเช่นนี้คือ การรู้จักความหมายที่แท้จริงของพระผู้เป็นเจ้าของบรรดาเอาลิยาอฺ และไม่ใช่การนำเอากิจการของพระองค์ไปสัมพันธ์กับบุคคลอื่น เนื่องจากบ่าวที่บริสุทธิ์ได้รับอนุญาตจากพระองค์ และเชื่อว่าพระองค์คือสื่อที่ทำให้เกิดอำนาจเหล่านั้น อัล-กุรอานกล่าวว่า

وَذُرِّيَّةً وَمَا كَانَ لِرَسُولٍ أَن يَأْتِيَ بِآيَةٍ إِلاَّ بِإِذْنِ اللّهِ

และไม่มีเราะซูลคนใดสามารถนำปาฏิหาริย์มาได้เว้นแต่ได้รับอนุมัติจากอัลลอฮฺ [1]

จากคำอธิบายดังกล่าว ทำให้รู้ว่าความเชื่อเช่นนั้นนอกจากจะไม่เป็น ชิริกแล้ว ยังเป็นการสัมพันธ์ความเชื่อไปยังเตาฮีด และการแสดงความเคารพภักดีต่อพระองค์

อำนาจเร้นลับของเอาลิยาอฺในทัศนะของอัล-กุรอาน อัล-กุรอานกล่าวถึงกลุ่มชนบางกลุ่มที่มีอำนาจเร้นลับได้โดยอนุมัติของพระองค์ ซึ่งบางครั้งอัล-กุรอานได้ระบุนามไว้ เช่น

อำนาจเร้นลับของศาดามูซา (อ.) อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงมีบัญชาแก่มูซา (อ.) ว่าให้เอาไม้เท้าฟาดลงบนหิน ทันใดนั้นหินได้แตกออก และมีตาน้ำไหลออกมาจากรอยแตกนั้น โดยกล่าวว่า

وَإِذِ اسْتَسْقَى مُوسَى لِقَوْمِهِ فَقُلْنَا اضْرِب بِّعَصَاكَ الْحَجَرَ فَانفَجَرَتْ مِنْهُ اثْنَتَا عَشْرَةَ عَيْناً

และจงรำลึกมูซาขณะที่ได้ขอน้ำให้แก่กลุ่มชนของพวกเขา ดังนั้น เราได้กล่าวว่าเจ้าจงใช้ไม้เท้าของเจ้าฟาดลงไปบนหิน แล้วหินได้แตกออกมีตาน้ำ ๑๒ ตาพุ่งออกมา [2]

อำนาจเร้นลับของศาสดาอีซา (อ.) อัล-กุรอานกล่าวถึงอำนาจเร้นลับของศาดาอีซา (อ.) ไว้หลายโองการโดยกล่าวว่า

แท้จริงฉันได้นำสัญญาณหนึ่งจากพระผู้อภิบาลของเจ้านมายังสูเจ้า โดยที่ฉันจะจำลองรูปนกขึ้นจากดินสำหรับพวกท่าน แล้วฉันจะเป่าเข้าไปในมัน แล้วมันก็จะกลายเป็นนก โดยอนุมัติของอัลลอฮฺ [3]

อำนาจเร้นลับของศาสดาซุลัยมาน (อ.) อัล-กุรอานได้กล่าวถึงพลังเร้นลับที่อยู่ในครอบครองของศาสดาซุลัยมาน (อ.) โดยกล่าวว่า

وَوَرِثَ سُلَيْمَانُ دَاوُودَ وَقَالَ يَا أَيُّهَا النَّاسُ عُلِّمْنَا مَنطِقَ الطَّيْرِ وَأُوتِينَا مِن كُلِّ شَيْءٍ إِنَّ هَذَا لَهُوَ الْفَضْلُ الْمُبِينُ

ซุลัยมานเป็นทายาทของดาวูด และเขากล่าวว่า โอ้ประชาชนทั้งหลายเราได้รับการสั่งสอนภาษานก และได้ให้เราทุกสิ่ง แท้จริง นี่คือความโปรดปรานอันชัดแจ้ง [4]

ไม่มีความคลางแคลงใจว่าภารกิจต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น  ไม่ว่าจะเป็นตาน้ำที่ไหลพุ่งออกมาจากรอยหินแตกที่ศาสดามูซา (อ.) ได้ฟาดไม้เท้าลงไป หรือนกที่ท่านศาสดาอีซา (อ.) ได้ปั้นจากดิน การให้ชะฟาอะฮฺแก่ผู้เจ็บป่วยที่หมดหนทางเยียวยารักษา หรือการเข้าใจภาษานกของท่านศาสดาซุลัยมาน (อ.) เป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือธรรมชาติ และเป็นพลังเร้นลับที่มีอยู่ในบุคคลที่เป็นเอาลิยาอฺ ที่ได้รับการเลือกสรรพิเศษจากพระผู้เป็นเจ้า ขณะที่โองการดังกล่าวและอีกหลายโองการ ได้กล่าวถึงพลังเร้นลับของปวงบ่าวที่ประเสริฐ ฉะนั้นความเชื่อโดยรวมตามที่อัล-กุรอานได้กล่าวอธิบายไว้ จะเป็นสาเหตุให้เป็นชิริกหรือ



[1] อัร-เราะอฺดู / ๓๘

[2] บะเกาะเราะฮฺ / ๖๐

[3] อาลิอิมรอน / ๔๙

[4] นัมลิ / ๑๖

 

index