คำถามที่ ๒๒ : ทำไมชีอะฮฺจึงถือว่าบุตรของท่านอิมามอะลี (ฮะซันและฮุซัยนฺ) เป็นบุตรของท่านศาสดา |
คำถามที่ ๒๒ : ทำไมชีอะฮฺจึงถือว่าบุตรของท่านอิมามอะลี (ฮะซันและฮุซัยนฺ) เป็นบุตรของท่านศาสดา
คำตอบ : จากการค้นคว้าหนังสือต่าง ๆ ตัฟซีร ประวัติศาสตร์ และ ริวายะฮฺทำให้รู้ว่าการพูดเช่นนี้ไม่เฉพาะเจาะจงอยู่แค่ชีอะฮฺเท่านั้น ทว่าสามารถกล่าวได้ว่าบรรดานักค้นคว้ามุสลิมจากกลุ่มต่าง ๆ ได้มีความเห็นพ้องต้องกันในเรื่องนี้ จากการอ้างอิงถึงอัล-กุรอาน ฮะดีซ และคำพูดของนักอรรถาธิบายอัล-กุรอานที่มีชื่อเสียงอันเป็นเหตุผลที่บ่งบอกถึงเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน
โดยปรกติอัล-กุรอานถือว่าบุตรหลานที่เกิดจากเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเป็นบุตรของตน เช่นกันบุตรที่เกิดจากบุตรของตน ไม่ว่าจะเป็นบุตรของบุตรสาวหรือบุตรของบุตรชายก็ถือว่าเป็นบุตรของตน และเมื่อพิจารณาอัล-กุรอาน และซุนนะฮฺจะพบหลักฐานจำนวนมากที่ยืนยันถึงความจริงดังกล่าว ดังตัวอย่างต่อไปนี้
๑. อัล-กุรอาน โองการต่อไปนี้ถือว่า ท่านศาสดาอีซา (อ.) เป็นบุตรคนหนึ่งของท่านศาสดาอิบรอฮีม (อ.) ขณะที่ศาสดาอีซา (อ.) คือบุตรของท่านหญิงมัรยัม ศาสดาอีซาสัมพันธ์กับท่านศาสดาอิบรอฮีม (อ.) ทางสายมารดา
وَوَهَبْنَا لَهُ إِسْحَقَ وَيَعْقُوبَ كُلاًّ هَدَيْنَا وَنُوحًا هَدَيْنَا مِن قَبْلُ وَمِن ذُرِّيَّتِهِ دَاوُودَ وَسُلَيْمَانَ وَأَيُّوبَ وَيُوسُفَ وَمُوسَى وَهَارُونَ وَكَذَلِكَ نَجْزِي الْمُحْسِنِينَ وَزَكَرِيَّا وَيَحْيَى وَعِيسَى وَإِلْيَاسَ كُلٌّ مِّنَ الصَّالِحِينَ
และเราได้ให้อิซหาก และยะอฺกูบแก่เขา เราได้ชี้นำทั้งหมด และเราได้แนะนำนูฮฺแล้วก่อนหน้า อิบรอฮีมและลูกหลานของอิบรอฮีมคือดาวูด ซุลัยมาน อัยยูบ ยูซุฟ มูซาและฮารูน พวกที่ทำความดีเหล่านี้แหละที่เราจะตอบแทนรางวัลความดี และ (จากบุตรหลานของอิบรอฮีม) ซะกะรียา ยะฮฺยา อีซา และอิลยาซ ทุกคนนั้นอยู่ในหมู่คนดี [1]
นักวิชาการของอิสลามถือว่าโองการข้างต้นเป็นเหตุผลที่ชัดเจนที่บ่งบอกว่า ท่านฮะซันและท่านฮุซัยนฺเป็นบุตรและเป็นเชื้อสายที่ใกล้ชิดของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) เพื่อความเข้าใจที่ดียิ่งขึ้นขอยกคำพูดบางตอนของนักปราชญ์อิสลามที่กล่าวว่า
أرسل الحجاج الى يحي بن يعمر فقال : بلغنى انك تزعم أن الحسن والحسين من ذرية النّبى تجده فى كتاب الله وقد قرأته من أوّله إلى آخره فلم أجده
قال ألست تقرأ سورة الانعام (وَمِن ذريته داود و سليمان) حتىّ بلغ (و يحيى و عيسى) قال : بلى قال : أليس عيسى من ذرية ابراهيم وليس له أبٌ ؟ قال : صدقت
วันหนึ่งฮัจญาจ ได้ส่งม้าเร็วไปหายะฮฺยา บิน ยะอฺมุร และได้พูดกับเขาว่า ได้มีรายงานมาถึงฉันว่า ท่านได้บอกว่า ฮะซันและฮุซัยนฺเป็นหลานและเป็นบุตรของท่านศาสดา ท่านเคยพบคำพูดเหล่านี้ในอัล-กุรอานหรือ ฉันได้อ่านอัล-กุรอานตั้งแต่แรกจนจบไม่เคยเจอคำพูดเหล่านี้เลย
ท่านยะฮฺยา บิน ยะอฺมุร กล่าวว่า ท่านไม่เคยอ่านโองการนี้ในซูเราะฮฺอันอามหรือ อัลลอฮฺตรัสว่า (และจากลูกหลานของเขาดาวูด และซุลัยมาน) จนถึงคำพูดที่ว่า (ยะฮฺยา และอีซา) ตอบว่า ฉันเคยอ่าน
ยะฮฺยา พูดว่า อัล-กุรอานไม่ได้บอกหรือว่าอีซาเป็นลูกหลานของอิบรอฮีม ขณะที่อีซานั้นไม่มีบิดา (ทางสายมารดาเท่านั้นที่อีซามีความสัมพันธ์กับอิบรอฮีม) ฮัจญาจตอบว่า ท่านพูดถูกแล้ว [2]
จากโองการต่าง ๆ ที่ได้ยกมาพร้อมทั้งคำอธิบายของนักตัฟซีรทั้งหลายทำให้รู้ว่า ไม่ใช่เฉพาะชีอะฮฺเท่านั้นที่เชื่อว่าฮะซันและฮุซัยนฺเป็นบุตรหลานของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ทว่าบรรดานักปราชญ์ทั้งหลายก็เชื่อเช่นนั้นเหมือนกัน
๒. อีกโองการหนึ่งที่ยืนยันไว้อย่างชัดเจนว่า ท่านอิมามฮะซันและฮุซัยนฺ เป็นบุตรหลานของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) คือโองการมุบาฮะละฮฺ [3] ความว่า
فَمَنْ حَآجَّكَ فِيهِ مِن بَعْدِ مَا جَاءَكَ مِنَ الْعِلْمِ فَقُلْ تَعَالَوْاْ نَدْعُ أَبْنَاءَنَا وَأَبْنَاءَكُمْ وَنِسَاءَنَا وَنِسَاءَكُمْ وَأَنفُسَنَا وأَنفُسَكُمْ ثُمَّ نَبْتَهِلْ فَنَجْعَل لَّعْنَتَ اللّهِ عَلَى الْكَاذِبِينَ
ดังนั้นผู้ใดที่โต้เถียงเจ้าในเรื่องของเขา (อีซา) หลังจากที่ได้มีความรู้มายังเจ้าแล้ว จงบอกเถิดว่า ท่านทั้งหลายจงมาเถิด เราก็จะเรียกลูก ๆ ของเราและลูกของพวกท่าน และเรียกบรรดาผู้หญิงของเราและบรรดาผู้หญิงของพวกท่าน และตัวของพวกเราและตัวของพวกท่าน หลังจากนั้นเราจะทำการสาปแช่ง และขอให้การสาปแช่งของอัลลอฮฺพึงประสบ แก่บรรดาผู้ที่พูดโกหก [4]
บรรดานักอรรถาธิบายอัล-กุรอาน กล่าวว่า โองการข้างต้นคือโองการมุบาฮะละฮฺ เป็นการสาปแช่งกันระหว่างท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) และเหล่าบรรดาผู้นำชาวคริสเตียน นัจรอน หลังจากที่พวกเขาได้แสดงความก้าวร้าวท่านศาสดา อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงมีบัญชาแก่ท่านให้ทำการวิงวอนกันระหว่างท่านกับพวกผู้นำคริสเตรียน โดยให้พาท่านอะลี ท่านหญิงฟาฎิมะฮฺ ท่านฮะซัน และท่านฮุซัยนฺออกไปเพื่อทำการมุบาฮะละฮฺ เมื่อพวกนัซซอรอได้เห็นท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) และบรรดาอะฮฺลุลบัยตฺของท่านจริงจังกับเรื่องดังกล่าว พวกเขาจึงกลัวว่าชีวิตของพวกเขาจะเป็นอันตราย จึงได้ขอร้องท่านให้ยกเลิกพิธีกรรมนั้น ท่านได้ตอบรับคำขอร้องของพวกเขา และได้ลงนามในสัญญาเพื่อยกเลิกพิธีกรรมสาปแช่ง
นักอรรถาธิบายอัล-กุรอานทั้งซุนียฺและชีอะฮฺตามมีความเห็นพ้องต้องกันว่า ในวันมุบาฮิละฮฺนั้นท่านอิมามอะลี ท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ ท่านอิมามฮะซัน และท่านอิมามฮุซัยนฺ ได้ร่วมอยู่ในพิธีดังกล่าวด้วย ฉะนั้น เป็นที่ชัดเจนว่าจุดระสงค์ของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ที่กล่าวว่า อับบะนาอะนา (บุตรของพวกเรา) หมายถึง ท่านฮะซัน และท่านฮุซัยนฺ ตาม ความหมายข้างต้นจะเห็นว่าโองการได้รับรองว่าท่านทั้งสองเป็นบุตรของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ริวายะฮฺจำนวนมากได้กล่าวสนับสนุน และยืนยันว่าเหตุการณ์ตามโองการมุบาฮิละฮฺถูกต้องจะขอยกบางส่วนจากริวายะฮฺเหล่านั้น
ก. ท่านญะลาลุดดีน ซุยูฏียฺ ได้เล่าจาก ฮากิม อิบนุ มุรูดียะฮฺ และ อะบูนะอีม ซึ่งทั้งสองคนรายงานมาจากท่านญาบิร บิน อับดุลลอฮฺว่า
أنفسنا و أنفسكم : رسول الله وعلي و أبنائنا : الحسن و الحسين و نسائنا : فاطمة
จุดประสงค์ของคำว่า อังฟุซะนา (ชีวิตของเรา) หมายถึงท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) กับท่านอะลี ส่วนคำว่า อับบะนาอะนา (บุตรของพวกเรา) หมายถึงท่านฮะซันและท่านฮะซัยนฺ และคำว่า นิซาอะนา (สตรีของเรา) หมายถึงท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ [5]
ข. ท่านฟัครุดดีน รอซียฺ ได้บันทึกไว้ในตัฟซีรของตน หลังจากอธิบายริวายะฮฺแล้ว ท่านได้กล่าวว่า
واعلم أن هذه الّرواية كالمتّفق على صحتها بين اهل التفسير والحديث
แน่นอนริวายะฮฺดังกล่าวนี้ อยู่ในฐานะของฮะดีซที่บรรดานักอรรถาธิบายกุรอาน และนักฮะดีซมีความเห็นพ้องต้องกันในเรื่องความถูกต้อง [6]
ท่านได้กล่าวอีกว่า
المسألة الرّابعة : هذه الاية دالّةٌ على أنّ الحسن والحسين (ع) كانا إبنى رسول الله وعد أن يدعوا ابنائه فدع الحسن والحسين فوجب أن يكون إبنيه
โองการที่ได้กล่าวมาข้างต้น ได้บ่งบอกว่าฮะซันและฮุซัยนฺเป็นบุตรของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) เนื่องจากได้ตกลงว่าให้ท่านเรียกบุตรของท่านออกมา ดังนั้น ท่านจึงเรียกฮะซันและฮุซัยนฺออกมา [7]
ค. อะบูอับดิลลาฮฺ กุรฏุบียฺ ได้บันทึกไว้ในตัฟซีรของตนว่า
[أبنائنا] دليل على أن ابناء البنات يسمّون أبناءًا
อับบะนาอะนา ตามโองการกุรอานที่กล่าวถึง เป็นเหตุผลที่ยืนยันว่าบุตรหลานที่เกิดกับบุตรสาว ถูกนับว่าเป็นบุตรของคนนั้นเช่นกัน [8]
๓. คำกล่าวของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) เป็นสิ่งยืนยันที่ดีที่สุด ด้วยการกล่าวว่า ท่านฮะซันและท่านฮุซัยนฺป็นบุตรของท่าน ดังตัวอย่างบางคำพูดที่ว่า
هذان إبناى من أحبهما فقد أحبّنى
ฮะซันและฮุซัยนฺ เป็นบุตรชายสองคนของฉัน ใครรักเขาทั้งสองเท่ากับรักฉัน [9]
อีกครั้งหนึ่งท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ได้ชี้ไปที่ฮะซันและฮุซัยนฺพร้อมกับกล่าวว่า
إنّ ابنىّ هذينَ ريحانتى من الدّنيا
แท้จริงบุตรชายทั้งสองของฉัน เป็นที่รักยิ่งสำหรับฉันบนโลกนี้ [10]
[1] อันอาม /๘๔-๘๕
[2] ดูรุลมันซูร เล่มที่ ๓ หน้าที่ ๒๘ พิมพ์ที่เบรุต ตอนอธิบายโองการ ๖/๘๓-๘๔
[3] อาลิอิมรอน/๖๑
[4] อาลิอิมรอน / ๖๑
[5] ดูรุลมันซูร เล่มที่ ๒ หน้าที่ ๓๙ พิมพ์ที่เบรุต ตอนอธิบายโองการดังกล่าว
[6] ตัฟซีรมะฟาตีฮุลฆัยบฺ เล่มที่ ๒ หน้าที่ ๔๘๘ พิมพ์ครั้งที่ ๑ อียิปต์ ปี ฮ.ศ. ที่ ๑๓๐๘
[7] อ้างแล้วเล่มเดิม
[8] อัล-ญาอิมุ ลิอะฮฺกามิลกุรอาน เล่มที่ ๔ หน้าที่ ๑๐๔ พิมพ์ที่เบรุต
[9] ตารีค มะดีนะฮฺ ดะมิชกฺ แก้ไขโดย อิบนิอะซากิร, ตัรญะมะตุลอิมามฮุซัยนฺ (อ.) หน้าที่ ๕๙ ฮะดีซที่ ๑๐๖ พิมพ์ครั้งที่ ๑ เบรุต
[10] เล่มเดิม